GEMHOLIC เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ไทยที่จำหน่ายเพชรแฟนซี และเครื่องประดับเพชรแฟนซีโดยเฉพาะ โดยเพชรแฟนซีที่ GEMHOLIC จัดจำหน่ายจะเป็นเพชรแท้ธรรมชาติ ไม่มีเพชร CVD หรือเพชรที่ปลูกในห้องปฏิบัติการ ไม่มีเพชร HPHT หรือเพชรที่ถูกผ่านความร้อน และแรงดันสูงเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และสีของเพชร
GEMHOLIC เกิดขึ้นจากความรัก และความหลงใหลในความสวยงามของความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทำให้เกิดสีต่างๆในเพชร เราจึงอยากจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคนไทย ในการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับเพชรแฟนซีที่ทรงคุณค่า ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ทันสมัย และปราณีต ในขณะเดียวกันอยู่ในราคาที่เอื้อมถึง และจับต้องได้
เพชรแฟนซี และเครื่องประดับเพชรแฟนซีของ GEMHOLIC โดยส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับใบรับรองจากสถาบันระดับโลก อาทิเช่น GIA เพื่อให้ท่านได้มั่นใจในมาตรฐาน และคุณภาพ
เพชรแฟนซี หรือเพชรสีเป็นอุบัติเหตุในกระบวนการทางธรรมชาติทำให้เกิดเพชรสีต่างๆในหมู่เพชรไร้สี หรือเพชรขาว ซึ่งไม่ได้จะเกิดขึ้นบ่อยๆในเหมืองเพชร ตามสถิติที่ค้นพบนั้น จะเจอเพชรแฟนซี 1-2 กะรัต ต่อเพชรขาว 3,000 กะรัต จึงทำให้เพชรแฟนซีเป็นปรากฏการที่แปลกประหลาด และเป็นของหายาก และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เพชรแฟนซีบางเม็ดมีมูลค่าสูงกว่าเพชรขาวหลายเท่านัก จึงทำให้เป็นที่หมายปอง และอยากครอบครองของผู้ที่หลงไหล หรือนักสะสมอัญมณี
สิ่งสำคัญที่ทุกท่านควรจะทราบเกี่ยวกับเพชรแฟนซี หรือเพชรสีนั้น คือท่านไม่สามารถนำหลักการของการเลือกซื้อเพชรไร้สี หรือเพชรขาวมาใช้กับเพชรแฟนซีได้ทั้งหมด หลายครั้งที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา สนใจซื้อเพชรแฟนซี หลายท่านยังคงใช้หลักการในการเลือกซื้อเพชรขาวมาใช้กับเพชรสีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการตามหาเพชรที่คุณสมบัติครบทั้ง 4Cs ความสะอาดของเพชรต้องเป็นระดับ VS ขึ้นไป และ Fluorescence ต้องเป็น None หลักการนี้ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ไม่ได้ถูกทั้งหมด เนื่องจากเพชรแฟนซีมีความแตกต่างจากเพชรไร้สี มันเกิดขึ้นยากกว่า สามารถพบเจอ 1-2 กะรัต ต่อเพชรขาว 3,000 กะรัต ดังนั้นการที่จะพบเจอเพชรแฟนซีที่คุณสมบัติเพอร์เฟ็คครบทุกประการใน 1-2 กะรัตต่อเพชรขาว 3,000 กะรัต จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ พบเพชรสีชมพู Fancy Vivid Pink สีเข้มสวยมาก แต่ความสะอาดดันเป็น I2 ในขณะเดียวกันพบเจออีกเม็ดเป็นสีชมพูอ่อน Light Pink แต่ความสะอาดเป็น VVS1 คือจังหวะ และโอกาสที่ทุกอย่างจะลงตัว และเป็นไปตามอย่างต้องการมันยากกว่าเพชรไร้สีหลายเท่า ถามว่ามีไหม มีแน่นอน แต่ราคาจะสูงมาก และส่วนใหญ่ก็จะถูกคัดไปประมูลจนมูลค่าจับต้องไม่ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นตัวกำหนดราคาของเพชรแฟนซีคือสีของเพชรมากกว่าความสะอาด และปัจจัยอื่นๆ เพชรแฟนซีที่สีเข้มสวย แต่ความสะอาดอยู่ที่เพียง SI1 ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าเพชรแฟนซีที่สีอ่อนกว่าแต่ความสะอาดอยู่ในระดับ VVS1
โรงงานจิวเวลรี่ของ GEMHOLIC เป็นโรงงานที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญในการขึ้นตัวเรือนเพชรแฟนซีโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานจิวเวลรี่ที่มีเอกลักษณ์ และทันสมัย เพชรแฟนซี หรือเพชรสีที่ GEMHOLIC คัดสรรมาเป็นเพชรแฟนซีธรรมชาติ ไม่เคยผ่านทุกกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อทำการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงสีของเพชร แต่อย่างไรก็ตามด้วยเทคนิคเฉพาะในการขึ้นตัวเรือนของโรงงาน GEMHOLIC ทำให้เครื่องประดับเพชรแฟนซีของท่านดูสวยขึ้นอีกหนึ่งถึงสองสเต็ป ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนำเพชรเหลืองโค้ดสี Fancy Yellow มาขึ้นตัวเรือน เพชรเหลืองคือเพชรเหลืองแท้ธรรมชาติ ไม่เคยผ่านกรรมวิธีใดใดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเพชร แต่ช่างจะนิยมขึ้นตัวเรือนแบบปิดก้นโดยจะทำกระเปาะบนเรือนแหวนเพื่อแต้มสีทองลงไป หรือที่หลายท่านเรียกว่าการแต้มฐาน เพื่อทำให้สีของเพชรดูสวยขึ้นอีกหนึ่งถึงสองสเต็ปหลังขึ้นตัวเรือนเสร็จ ซึ่งวิธีนี้เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันในการขึ้นตัวเรือนเพชรแฟนซี แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคดังกล่าวจำเป็นที่ต้องใช้ช่างที่มีศิลปะ และมีความเชี่ยวชาญในการขึ้นตัวเรือนเพชรแฟนซีโดยเฉพาะ เนื่องจากไม่ใช่ใครก็ทำได้สวย เพราะการแต้มสีที่ฐานมีความจำเป็นที่ต้องทำงานออกมาให้ไม่ดูหลอกเกินความเป็นจริง โดยที่เราจะไม่แต้มสีมากเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้เพชรดูทึบ และไฟไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น หากเพชรแฟนซีที่นำมาขึ้นตัวเรือนเป็นสี Fancy Light Pink หลังจากขึ้นตัวเรือนสีของเพชรควรจะดูเข้มขึ้นเพียงหนึ่งถึงสองสเต็ปเท่านั้น ซึ่งจะกลายเป็นสี Fancy Pink-Fancy Intense Pink ซึ่งดูสวยขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากมาย ยกเว้นในบางโค้ดสีที่มีความจำเป็นที่ต้องทำเยอะกว่าปกติเนื่องจากสีทุนเดิมของเพชรอ่อนมาก หรือในกรณีที่ลูกค้าอยากได้สีเข้มๆ อย่างไรก็ตามหากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะขึ้นตัวเรือนด้วยวิธีเปิดก้นเหมือนการขึ้นตัวเรือนของเพชรไร้สี เราก็สามารถทำให้ได้เช่นกัน
Fluorescence ในเพชรแฟนซี ดีหรือไม่ หลายท่านพอทราบกันดีว่า เพชรไร้สีหรือเพชรขาวมีมูลค่าสูงสุดหาก Fluorescence เป็น None Fluorescence คือแสงสะท้อนใต้แสง UV เหตุผลที่ราคาเพชรขาวที่ไม่มี Fluorescence สูงกว่าเม็ดที่มีเป็นเพราะว่า เพชรขาวมันไร้สี เราจึงไม่ต้องการให้เพชรมันสะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีอื่นๆเวลาอยู่ใต้แสงไฟหรือแสงพระอาทิตย์ เราต้องการเพชรขาวที่ใสบริสุทธิ์ไม่ว่าอยู่ใต้แสงใดก็ตาม และการมี Fluorescence ในเพชรขาวอาจจะทำให้เพชรดูหมองและไฟไม่ดีเท่าที่ควร นี่คือเหตุผลที่เพชรขาวที่ไม่มี Fluorescence มีราคาที่สูง แต่ทราบหรือไม่ Fluorescence สามารถทำให้เพชรขาวที่น้ำไม่ดีมาก เช่นเพชรขาวที่น้ำประมาณ 93-94 หรือประมาณ K Colour ลงไป หลายคนเรียกกันว่าเพชรขาวน้ำเหลือง (ไม่ใช่เพชรแฟนซีสีเหลือง) ดูใสขึ้นได้ การมี Fluorescence ในเพชรขาวที่น้ำไม่ดีมากจึงกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี
ทีนี้มาดูเรื่องเพชรแฟนซีกันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมันไม่มีกฏตายตัว ลูกค้าหลายท่านยึดติดกับความเข้าใจว่าการมี Fluorescence ในเพชรส่งผลลบมากกว่าบวกตามหลักการเลือกซื้อเพชรขาว ทำให้ตามหาเพชรสีที่ไม่มี Fluorescence ด้วยเช่นกัน แต่ในหลักความเป็นจริงการมี Fluorescence ในเพชรสีกลับเป็นเรื่องที่ดีในบางกรณี ยกตัวอย่างเช่นเคยมีลูกค้ามาให้ช่วยหาเพชรเหลืองให้ แต่เขามีงบที่จำกัด ลูกค้าอยากได้เพชรที่สีเหลืองชัดมากๆ แต่ด้วยงบประมาณของเขาไม่สามารถซื้อเพชรเหลืองโค้ดสี Fancy Intense Yellow หรือ Fancy Vivid Yellow ได้ ดีที่สุดที่สามารถหาได้ในงบประมาณของเขาก็จะเป็นเพชรเหลืองโค้ดสี Fancy Yellow เท่านั้น ทาง GEMHOLIC จึงจัดหาเพชรเหลืองโค้ดสี Fancy Yellow แต่เราเลือกเม็ดที่มี Fluorescence เป็น Strong Yellow ให้ ซึ่งแปลว่าเพชรเม็ดดังกล่าวเวลาอยู่ใต้แสง UV จะสะท้อนเป็นสีเหลืองเพื่อเอาไปช่วยเสริมสีของมันที่เป็นเหลืองอ่อนให้ดูเหลืองมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเพชรเขียวที่มี Fluorescence สีเขียวยิ่งทำให้เพชรดูเขียวยิ่งขึ้น เพชรฟ้าที่มี Fluorescence สีฟ้าก็ยิ่งทำให้เพชรดูฟ้ายิ่งขึ้น สรุปได้ว่า Fluorescence เป็นเรื่องที่ดีหากสีของมันเป็นสีเดียวกับสีของเพชร ซึ่งส่งผลให้มูลค่า หรือราคาของเพชรเม็ดนั้นสูงขึ้นอีกด้วย
สถาบัน GIA ได้จัดระดับความเข้มของสีของเพชรแฟนซีไว้ทั้งหมด 8 ระดับ โดยไล่ตั้งแต่อ่อนที่สุดไปจนถึงเข้มที่สุด ซึ่งความเข้มของสีเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคา ยิ่งสีของเพชรแฟนซีเข้มเท่าไรราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
นอกเหนือจากความเข้มของเฉดสีของเพชรที่เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคา การกระจายของสีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเนื่องจากมีผลกระทบต่อความสวยงามของเพชร ยกตัวอย่างเช่น เพชรแฟนซีที่สีกระจายไปทั่วเพชรในใบเซอร์ของ GIA ในหัวข้อ Colour Distribution จะถูกเขียนว่า Even ซึ่งหมายความว่าสีของเพชรเม็ดนั้นกระจายไปทั่วเพชร แต่หากสีของเพชรเม็ดนั้นกระจายไม่ทั่ว ในใบเซอร์จะถูกเขียนว่า Uneven เพชรแฟนซีที่มีการกระจายของสีทั่วทั้งเม็ดจะมีมูลค่าสูงกว่าเม็ดที่สีกระจายไม่ทั่ว
เนื่องจากมีหลายท่านเข้าใจผิดแล้วสอบถามเข้ามามากว่าเพชรแฟนซีเหลืองคือเพชรที่น้ำไม่ดีใช่หรือไม่ สีเลยเหลือง แต่ในความเป็นจริงแล้วคือคนละเรื่องกันเลย เพชรขาวที่น้ำไม่ดีมากจนสีดูออกเหลืองๆคือเพชรขาวที่สีต่ำกว่า K Colour หรือถ้าพูดในภาษาคนไทยเข้าใจก็คือน้ำ 93 ลงไปอีกหลายระดับจนสีดูออกเหลืองๆ เพชรพวกนี้ราคาจะถูก และไม่ถูกจัดว่าเป็นเพชรแฟนซีเหลือง หรือเพชรเหลือง ทางสถาบัน GIA จะใช้ตัวอักษร D-Z ในการจัดระดับสีของเพชรขาวโดย D ถือว่าขาวสุด หรือไร้สีที่สุด (น้ำ 100) ไปจนถึง Z ซึ่งคือเพชรขาวที่ดูเหลืองมาก ส่วนเพชรเหลืองที่ถูกจัดว่าเป็นเพชรแฟนซีทาง GIA จะไม่ใช้ตัวอักษร D-Z แต่จะใช้ชื่อตามสีนั้นๆไปเลย เพชรแฟนซีเหลือง หรือเพชรเหลืองจะมีโค้ดสีที่เริ่มต้นตั้งแต่ Fancy Light Yellow ไปจนถึง Fancy Dark Yellow
เพชรคามิลเลี่ยน คือเพชรที่สามารถเปลี่ยนสีเองได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของเพชรแฟนซี และเป็นความหายากที่ยังหาเจอ โดยส่วนใหญ่เพชรคามิลเลี่ยนที่พบเจอจะมีสีเขียวโอลีฟ และสีเทาผสมอยู่ นักอัญมณีได้ค้นพบว่า เพชรคามิลเลี่ยนจะเปลี่ยนสีจากสีเหลืองกลายเป็นสีเขียวเมื่อถูกเก็บในที่มืดสนิทเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือถูกความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 200 องศาเซลเซียส และจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีปกติเมื่อนำเพชรกลับมาอยู่ในแสง และอุณภูมิที่ปกติ เป็นความแปลกประหลาดที่ยังหาเหตุผลที่แน่ชัดมาอธิบายไม่ได้ และเป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ที่สำคัญ ไม่ใช่เพชรแฟนซีทุกเม็ดที่เป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หากท่านพบเจอเพชรคามิลเลี่ยน มันเป็นอะไรที่คุ้มค่าต่อการลงทุนเพราะมันคือ Rare Item ของจริง วิธีการสังเกตว่าเพชรแฟนซีเม็ดนั้นคือเพชรคามิลเลี่ยนหรือไม่ หากเพชรแฟนซีเม็ดนั้นมาพร้อมกับใบเซอร์ของสถาบัน GIA ให้ดูที่ Comments บริเวณด้านล่างสุด หากเพชรเม็ดนั้นเป็นเพชรคามิลเลี่ยนก็จะมีข้อความเขียนกำกับอยู่ว่า The colour of this stone changes temporarily when gently heated, or when left in darkness for a period of time and is known in the trade as “CHAMELEON”.
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เพชรชมพู” เป็นความใฝ่ฝันของสุภาพสตรี เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความโรแมนติก ความสวยงาม และความสมบูรณ์แบบ แต่อย่างไรก็ตาม เพชรชมพูเป็นหนึ่งในสีที่แพงที่สุดในบรรดาเพชรแฟนซี เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าถึงได้ หัวข้อนี้เลยจะมาพูดถึงวิธีการซื้อเพชรชมพูตามงบประมาณ และความพร้อม โดยจะใช้เพชรไซส์หนึ่งกะรัตที่มี GIA มาทำการยกตัวอย่าง
ก่อนอื่นเลย สิ่งที่ท่านต้องทราบ และทำความเข้าใจก็คือ เฉดสีของเพชรชมพู ไล่ระดับความเข้มจากอ่อนที่สุด ไปยังเข้มที่สุด โดยเริ่มต้นตั้งแต่ Faint Pink, Very Light Pink, Light Pink, Fancy Light Pink, Fancy Pink, Fancy Intense Pink, Fancy Vivid Pink ไปจนถึง Fancy Deep Pink
เพชรโค้ดสี Faint Pink, Very Light Pink และ Light Pink สีเพชรพื้นฐานจะอ่อนมาก ราคาจะอยู่ระหว่าง 800,000-1,000,000 บาท ซึ่งสามารถบวกลบได้อีกขึ้นอยู่กับคุณภาพ และคุณสมบัติของเพชร
เพชรโค้ดสี Fancy Light Pink และ Fancy Pink จัดว่าเป็นสีที่ดี เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่ต้องการในท้องตลาด ราคาเริ่มต้นต้องมี 1,000,000 บาท ขึ้นไปจนถึง 2,000,000 บาท หากเป็นเพชรที่สะอาด 3,000,000-4,000,000 บาท สามารถเป็นไปได้
เพชรโค้ดสี Fancy Intense Pink จัดเป็นโค้ดที่มีความเข้มระดับปานกลางที่สวยมาก เป็นที่ใฝ่ฝัน และหมายปองของสุภาพสตรี ราคา 6,000,000-8,000,000 บาท สามารถซื้อได้ แต่อาจจะได้ความสะอาดที่อยู่ในระดับ SI, I1 หรือ I2 เท่านั้น หากต้องการเพชรชมพูโค้ดสี Fancy Intense Pink ที่มีความสะอาดในระดับ VS ขึ้นไป ท่านอาจจะต้องจ่ายในราคาแปดหลัก สำหรับเพชรไซส์หนึ่งกะรัต
เพชรโค้ดสี Fancy Vivid Pink และ Fancy Deep Pink สองโค้ดนี้จัดเป็นสีที่เข้มเกือบที่สุด และเข้มที่สุดในบรรดาโค้ดสีชมพู สำหรับไซส์หนึ่งกะรัตนั้น ราคาไม่มีต่ำกว่าแปดหลัก และอาจจะถึงเก้าหลักหากเป็นเพชรที่สะอาด อย่างไรก็ตามเพชรโค้ดสีเหล่านี้หากพบเจอ มักถูกนำไปประมูล หรือถูกซื้อไปโดยบุคคลในแวดวงชั้นสูง หรือนักสะสมเพชรแฟนซี
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพชรชมพูเริ่มต้นตั้งแต่โค้ดสี Faint Pink ไปจนถึงโค้ดสี Light Pink เวลานำเพชรมาขึ้นตัวเรือนทำแหวน หรือเครื่องประดับอื่นๆนิยมทำกระเปาะบนตัวเรือนเครื่องประดับ และทำการแต้มสีชมพูลงไปก่อนทำการฝังเพชร เนื่องจากโค้ดสีเหล่านี้สีชมพูของเพชรนั้นอ่อนเกือบขาว และหากไม่ทำวิธีนี้ เราจะแทบไม่เห็นสีชมพูในเพชรเลย
มีหลายท่านเข้าใจผิดว่าเพชรชมพูโค้ดสี Light Pink กับ Fancy Light Pink คือโค้ดสีเดียวกัน ซึ่งจริงๆแล้วมันคือคนละโค้ดสี และราคาแตกต่างกันมาก
เพชรชมพูมีทั้งหมด 8 ระดับความเข้ม ไล่ตั้งแต่อ่อนที่สุดไปถึงเข้มที่สุด ดังนี้
1. Faint Pink
2. Very Light Pink
3. Light Pink
4. Fancy Light Pink
5. Fancy Pink
6. Fancy Intense Pink
7. Fancy Vivid Pink
8. Fancy Deep Pink
ที่กล่าวมาทั้งหมดคือเพชรชมพูที่ไม่ผสมโทนสีอื่น ชมพูตรงๆ ไม่มีสีน้ำตาล ม่วง และส้ม ผสมอยู่ ซึ่งโค้ดสีเหล่านี้จะมีราคาสูงกว่าเพชรชมพูที่มีสีน้ำตาลผสม (Fancy Brown-Pink/Fancy Brownish Pink) ในไซส์เดียวกัน
เพชรชมพูโค้ดสี Light Pink คือเพชรชมพูที่มีความเข้มระดับสาม ไม่มีคำว่า Fancy ข้างหน้า ไซส์หนึ่งกะรัต หากความสะอาดอยู่ในระดับ SI หรือต่ำกว่า แต่ตาเปล่าสะอาด ราคาเริ่มต้นต้องมี 800,000-900,000 บาท แต่หากความสะอาดอยู่ในระดับ VS-VVS ขึ้นไปอาจจะต้องใช้เงินถึง 900,000-1,000,000 บาท ราคาอาจบวกลบขึ้นลงได้อีกหากมีปัจจัยอื่นๆ
เพชรชมพูโค้ดสี Fancy Light Pink ความเข้มอยู่ในระดับสี่ และมีคำว่า Fancy ข้างหน้า สีชมพูในเพชรค่อนข้างมองเห็นชัดเจน แต่ไม่เท่าโค้ดสี Fancy Pink เพชรชมพูโค้ดสี Fancy Light Pink เป็นโค้ดสีที่นักสะสมให้การยอมรับ ไซส์ 1 กะรัตหากความสะอาดอยู่ในระดับ SI หรือแม้กระทั่ง I1, I2 แต่ตาเปล่าสะอาด ราคาขายต้องมี 1,200,000-1,500,000 บาท
ขอย้ำอีกครั้งว่าเพชรชมพูโค้ดสี Light Pink และเพชรชมพูโค้ดสี Fancy Light Pink คือคนละโค้ดสีกัน ราคา และศักดิ์ศรีแตกต่างกัน ถึงแม้ว่ามันจะห่างกันเพียงแค่สเต็ปเดียวเท่านั้น
เพชรชมพูที่พบเจอได้บ่อยในท้องตลาดมักจะมีสีที่สองผสมอยู่ หรือที่เรียกว่า Secondary Colour เช่น เพชรชมพูอมน้ำตาล หรือ Fancy Brownish Pink เพชรชมพูอมม่วง หรือ Fancy Purplish Pink เพชรชมพูอมส้ม หรือ Fancy Orangy Pink และยังมีเพชรชมพูที่มีสามสีผสมในเม็ดเดียวกัน เช่น เพชรชมพูอมน้ำตาลส้ม หรือ Fancy Brownish Orangy Pink และเพชรชมพูอมน้ำตาลม่วง หรือ Fancy Brownish Purplish Pink
เพชรชมพูที่มีสีเดียว ไม่มีสีที่สอง และสามผสมอยู่ จะมีมูลค่าสูงกว่าเพชรชมพูที่มีสีอื่นผสม เนื่องจากหายากกว่า และเป็นที่นิยมของตลาดมากกว่า เช่น เพชรชมพูโค้ดสี Fancy Pink (มูลค่าจะยิ่งสูงขึ้นไปอีกหาก Intensity หรือระดับความเข้ม อยู่ในระดับ Fancy Intense และ Fancy Vivid) นั่นหมายความว่า การที่เพชรชมพูมีสีอื่นๆผสมอยู่ เช่น สีน้ำตาล สีม่วง และสีส้ม ส่งผลให้มูลค่าของเพชรชมพูเม็ดนั้นลดลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เพชรเม็ดดังเกล่าไม่ดี หรือไม่สวย แต่มันเป็นเรื่องของความนิยม และความต้องการของนักสะสม
เพชรชมพูอมน้ำตาล หรือ Fancy Brownish Pink มักถูกมองเป็นลบมากกว่าเป็นบวก เนื่องจากสีน้ำตาลเป็นสีที่มีราคาถูกที่สุด และการติดสีน้ำตาลในเพชรทำให้สีชมพูของเพชรดูหม่น ไม่หวาน และไม่สดใส ส่งผลให้เพชรชมพูที่อมน้ำตาลมีมูลค่าต่ำที่สุดในบรรดาเพชรชมพูทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเพชรชมพูอมม่วง หรือ Fancy Purplish Pink และเพชรชมพูอมส้ม หรือ Fancy Orangy Pink จะมีมูลค่าต่ำกว่าเพชรชมพูที่มีสีเดียว แต่ก็เป็นเฉดสีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในท้องตลาด เนื่องจากมีราคาถูกกว่า และมีสีสันที่สวยงาม เพชรชมพูอมม่วงสีจะแลดูเหมือนสีชมพูบานเย็น ส่วนเพชรชมพูอมส้มสีจะแลดูเหมือนสีชมพูโอรส คล้ายคลึงกันกับพลอยพัดพารัดชา ซึ่งโค้ดสี Fancy Purplish Pink และโค้ดสี Fancy Orangy Pink มักไม่ถูกมองเป็นลบเหมือนกับโค้ดสี Fancy Brownish Pink
เมื่อ GIA ระบุว่า Colour Origin ของเพชรเป็น “Undetermined” แปลว่าอะไร เพชรไม่ธรรมชาติหรือเปล่า ผ่าน Treatment หรือไม่ แต่คนขายยืนยันว่าสีของเพชรเป็นสีธรรมชาติ GEMHOLIC มีคำแนะนำดังนี้
ต้องเท้าความก่อนว่า โดยปกติแล้วหากสีของเพชรแฟนซีเป็นสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ GIA จะระบุว่า Natural ในส่วนของ Colour Origin หากเพชรแฟนซีเม็ดดังกล่าวเคยผ่านการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงสี ในส่วนของ Colour Origin จะถูกระบุว่า “Treated” ซึ่งแปลว่า เพชรเคยผ่าน Treatment หรือ “Artificially Irradiated” ซึ่งแปลว่า เพชรเคยผ่านการฉายแสง หรือฉายกัมมันตภาพรังสี ซึ่งสองวิธีดังกล่าวทำขึ้นเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงสีของเพชร ยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนจากเพชรไร้สี หรือเพชรขาวไปเป็นเพชรเขียว หรือเปลี่ยนจากเพชรชมพูอ่อนไปเป็นเพชรชมพูเข้ม
เพชรที่ Colour Origin ระบุว่าเป็น “Undetermined” แปลว่า GIA ไม่สามารถตัดสินว่าสีของเพชรเม็ดดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ และโดยส่วนใหญ่จะพบเจอบ่อยในเพชรเขียว รองลงมาก็จะเป็นเพชรฟ้า เพราะเพชรเขียวเกิดจากกัมมันตภาพรังสีของแร่ในหินซึ่งไปทำให้ผลึกเพชรเสียสภาพ และเกิดสีเขียว ส่วนเพชรฟ้าที่พบเจอส่วนใหญ่มักมีโทนสีเขียวผสมอยู่ด้วย เช่น Fancy Greenish Blue ด้วยเหตุที่กลไกการเกิดสีจากการฉายกัมมันตภาพรังสีนี้สามารถทำเลียนแบบได้ในห้องปฏิบัติการ ทำให้ในบางกรณีไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสีของเพชรนั้นคือ Treated หรือ Natural
หากให้ GEMHOLIC แนะนำก็คือ หากท่านกำลังตัดสินใจที่จะซื้อเพชรแฟนซีที่ Colour Origin เป็น Undetermined ก็ไม่ควรซื้อในราคาที่สูงเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม การที่ Colour Origin ของเพชรเป็น Undetermined ไม่ได้หมายความว่าสีของเพชรนั้นไม่ธรรมชาติเสมอไป มันอาจจะเป็นสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมันอาจจะเคยผ่านการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงสีทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นผู้ซื้อจำเป็นต้องชั่งน้ำหนัก และตัดสินใจให้ดีว่าสามารถยอมรับได้หรือไม่
เทคนิคการขึ้นตัวเรือนให้เพชรยอดดูใหญ่ขึ้น
เนื่องจากเพชรแฟนซีบางโค้ดสีมีราคาที่สูง จึงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถครอบครองเพชรแฟนซีโค้ดสีแพงในขนาดใหญ่ตามที่ต้องการได้ GEMHOLIC จึงอยากแบ่งปันเทคนิค และวิธีการขึ้นตัวเรือนที่จะทำให้เพชรยอดดูใหญ่ขึ้น ซึ่งเทคนิคดังกล่าวก็คือ การนำเพชรแฟนซีขนาดเล็กที่มีสีเดียวกับเพชรยอดมาล้อมเพชรยอดอีกชั้นหนึ่ง สมมติว่านำเพชรเหลือง ซึ่งที่มีขนาด 50 ตังค์ มาขึ้นตัวเรือนทำแหวน การนำเพชรเหลืองไซส์เล็กน้ำหนักประมาณ 1-2 ตังค์มาล้อมเพชรยอดจะทำให้เพชรยอดแลดูใหญ่ขึ้นเหมือนไซส์หนึ่งกะรัตขึ้นมาทันที ซึ่งวิธีการดังกล่าวในภาษาอังกฤษจะถูกเรียกว่า “Halo”
หากไม่ต้องการแต้มสีลงบนกระเปาะบนตัวเรือนก่อนฝังเพชรเวลาขึ้นตัวเรือน ทำได้หรือไม่
เพชรแฟนซีเป็นของหายาก แต่สิ่งที่หายากกว่าเพชรแฟนซีคือ การหาเพชรแฟนซีที่สีชัด และเข้ม ที่อยู่ในระดับ Fancy Vivid-Fancy Deep ยิ่งถ้าเป็นสีชมพู หรือสีฟ้า ราคาแทบจับต้องไม่ได้ ดังนั้นในบางครั้งเราจำเป็นที่ต้องใช้วิธีการขึ้นตัวเรือนแบบปิดก้นแต้มฐานช่วย เพื่อให้สีของเพชรดูเข้มขึ้น และสวยขึ้นเวลาอยู่บนตัวเรือนแหวน ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ได้ทำให้คุณภาพของเพชรถูกปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลง แต่หากท่านไม่ต้องการใช้วิธีการขึ้นตัวเรือนดังกล่าว GEMHOLIC มีคำแนะนำดังนี้
หากท่านซื้อเพชรเหลือง แนะนำให้เลือก Setting ที่เป็นทองเหลือง สีของทองเหลืองจะช่วยขับให้สีของเพชรเหลืองแลดูเหลืองยิ่งขึ้น และถ้าหากท่านซื้อเพชรชมพู ก็แนะนำให้เลือก Setting ที่เป็นทองโรสโกลด์ เพื่อจะช่วยขับให้สีของเพชรชมพูแลดูชมพูยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าวจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับกับเพชรแฟนซีที่มีความเข้มอยู่ในระดับปานกลางขึ้นไปเท่านั้น เช่น Fancy Light Pink-Fancy Intense Pink หากนำเพชรชมพูโค้ดสี Faint Pink, Very Light Pink และ Light Pink มาทำวิธีนี้ จะช่วยได้ไม่มาก เนื่องจากสีทุนเดิมของเพชรนั้นอ่อนเกินไป
ความเหมือนที่แตกต่าง นำไปสู่วิธีการประหยัดงบ
ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้รังสรรค์สีสันต่างๆในเพชร และในหลากหลายเฉดสีนั้น มีสีที่คล้ายคลึงกัน แต่ราคาแตกต่างกัน
Fancy Greenish Yellow VS Fancy Yellowish Green
เพชรโค้ดสี Fancy Greenish Yellow จะมีราคาถูกกว่าเพชรโค้ดสี Fancy Yellowish Green เนื่องจากเพชรเหลืองหาง่ายกว่าเพชรเขียว ราคาจึงถูกกว่า แต่หากมองด้วยตาเปล่า เพชรทั้งสองโค้ดสีนี้จะดูออกเขียวเหลืองด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นหากท่านกำลังมองหาเพชรโค้ดสี Fancy Yellowish Green หรือ Fancy Yellow-Green แต่มีงบประมาณที่จำกัด ท่านสามารถพิจารณาซื้อเพชรโค้ดสี Fancy Greenish Yellow และ Fancy Green-Yellow ได้ เนื่องจากสีค่อนข้างใกล้เคียงกัน
Fancy Pinkish Brown VS Fancy Brownish Pink
มาที่เพชรชมพูกันบ้าง เพชรโค้ดสี Fancy Pinkish Brown คือเพชรน้ำตาลที่อมชมพู ส่วนเพชรโค้ดสี Fancy Brownish Pink คือเพชรชมพูที่อมน้ำตาล สองโค้ดสีนี้ใกล้เคียงกันมาก และยากที่จะแยกได้ด้วยตาเปล่าโดยบุคคลธรรมดาทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม เพชรโค้ดสี Fancy Pinkish Brown มีราคาถูกกว่าเพชรโค้ดสี Fancy Brownish Pink มาก ดังนั้นท่านสามารถประหยัดงบประมาณโดยการซื้อเพชรโค้ดสี Fancy Pinkish Brown และ Fancy Pink-Brown แทนเพชรโค้ดสี Fancy Brownish Pink และ Fancy Brown-Pink
Fancy Bluish Green VS Fancy Greenish Blue
เพชรฟ้าเป็นหนึ่งในสีที่แพงที่สุด มีราคาสูงรองจากเพชรแดง และเป็นที่ต้องการอย่างมากในท้องตลาด ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถครอบครองเพชรฟ้าได้ ในหัวข้อย่อยนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการครอบครองเพชรที่มีโทนสีฟ้าผสมในงบที่ประหยัดลง เพชรโค้ดสี Fancy Greenish Blue คือเพชรฟ้าอมเขียว จะมีราคาแพงกว่าเพชรโค้ดสี Fancy Bluish Green หรือเพชรเขียวอมฟ้า เพชรสองโค้ดสีนี้มีความใกล้เคียงกันมากหากมองด้วยตาเปล่า ซึ่งสีของมันจะดูเหมือนสีฟ้าน้ำทะเล และสีเขียวน้ำทะเลด้วยกันทั้งคู่ เพชรโค้ดสี Fancy Bluish Green จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับท่านที่อยากครอบครองเพชรที่มีโทนสีฟ้าในราคาประหยัดลง
HPHT ย่อมาจาก High Pressure High Temperature ซึ่งหากแปลตรงตัวก็คือ อุณภูมิ และแรงดันที่สูง
ย้อนกลับไปปี ค.ศ.1950 มีผู้คิดค้นวิธีการนำเพชรแท้ที่น้ำ หรือสีที่ไม่ค่อยดี และไม่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดมาทำการสังเคราะห์ใหม่อีกครั้งในห้องปฏิบัติการ โดยเลียนแบบวิธีการเกิดเพชรแท้ธรรมชาติใต้พื้นผิวโลก โดยใช้อุณภูมิสูงถึง 2,600 องศาเซลเซียส ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ สามารถเปลี่ยนสีเพชร ทำให้เพชรขาวน้ำเหลืองกลายเป็นเพชรขาวน้ำร้อย นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนสีเพชรเป็นสีต่างๆเช่น ชมพู เหลือง ฟ้า และเขียว ได้อีกด้วย
หลังจากค้นพบวิธีดังกล่าว ความต้องการของเพชร HPHT สูงมากขึ้น เนื่องจากวิธีการดังกล่าวทำให้ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะซื้อเพชรสามารถซื้อเพชรในขนาดที่ใหญ่ และได้สีที่ต้องการในราคาที่ถูกกว่าเพชรธรรมชาติ แต่ข้อเสียของเพชร HPHT นั้นมีอยู่หลายประการ ดังนี้
1. น้ำหนักของเพชรจะเบาลงจากเดิมก่อนผ่านการทำ HPHT
2. Clarity หรือความสะอาดของเพชรจะต่ำลงไปอีก
3. เพชรที่ผ่านการทำ HPHT จะมีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก (Magnetic Force)
เพชรแท้ที่สามารถนำมาสังเคราะห์ด้วยวิธีการนี้ จะต้องมี Clarity ในระดับ IF, VVS1, VS1 และ VS2 เท่านั้น ไม่สามารถนำเพชรที่มีตำหนิ รอยแตก และรอยขีดข่วนที่ระดับความสะอาดอยู่ SI, I1 และ I2 มาทำได้ เนื่องจากจะทำให้เพชรเกิดการระเบิดหรือแตกได้ หลังจากการทำ HPHT ความสะอาดของเพชรก็จะลดลงทันทีเหมือนที่อธิบายข้างต้น แต่สีของเพชรจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิม
เพชรแฟนซี หรือเพชรสีที่มีโทนสีอื่นผสมอยู่ เช่น Fancy Greenish Yellow, Fancy Pinkish Brown, Fancy Purple-Pink และอื่นๆอีกมากมาย โดยเราจะเรียกสีที่เป็นคำลงท้าย หรือเป็นคำสุดท้ายว่า Primary Colour หรือ สีหลัก ส่วนสีที่อยู่ตรงกลางจะถูกเรียกว่า Secondary Colour หรือ สีรอง โดยสีหลักจะมีปริมาณ หรือสัดส่วนมากกว่าสีรอง
วิธีการสังเกตว่าเพชรแฟนซีที่มีโทนสีอื่นผสมอยู่ด้วยนั้น สีไหนราคาแพงกว่า หรือถูกกว่า ให้ดูที่สีรองว่ามันเป็นสีที่แพงกว่าสีหลักหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น เพชรโค้ดสี Fancy Brownish Yellow เป็นเพชรเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำตาลจัดเป็นสีที่ราคาถูกกว่าสีเหลือง และมักถูกมองเป็นลบมากกว่าบวก (ไม่เกี่ยวกับความสวยงาม และคุณภาพของเพชร แต่เป็นเพราะทิศทางของตลาด) ดังนั้นเพชรสี Fancy Brownish Yellow จะมีราคาถูกกว่าเพชรสี Fancy Yellow ในไซส์เดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันเพชรสี Fancy Green-Yellow จะมีราคาสูงกว่าเพชร Fancy Yellow เพราะสีรองที่เป็นสีเขียวมีมูลค่าสูงกว่าสีเหลือง หลักการเดียวกันกับเพชร Fancy Bluish Green จะมีราคาสูงกว่าเพชร Fancy Yellow-Green เพราะสีฟ้ามีราคาสูงกว่าสีเหลือง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรตายตัวเนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่ส่งผลต่อมูลค่าของเพชร เช่น Clarity หรือความสะอาด Intensity หรือระดับความเข้มของสี ท่านอาจจะเจอเพชรสี Fancy Bluish Green ไซส์ 1 กะรัต ที่มีราคาถูกกว่าเพชรที่โค้ดสีเป็นรองก็ได้ถ้าหากมันมีตำหนิที่มองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า หรือท่านอาจจะซื้อเพชรโค้ดสีที่ไม่ควรแพงในราคาที่แพงกว่าปกติเนื่องจากร้านค้าได้ต้นทุนมาแพง
Violet ภาษาไทยแปลว่าสีม่วง Purple ในภาษาไทยก็แปลว่าสีม่วง เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าในภาษาไทย สีม่วงมีชื่อเดียวน่ะสิ แต่ในภาษาอังกฤษ Violet กับ Purple คือสีม่วงคนละโทนสี จึงมีชื่อเรียกคนละแบบ Purple คือสีม่วงที่มีโทนแดงผสม ส่วน Violet คือสีม่วงที่มีสีน้ำเงินผสม
หลายท่านอาจจะยังไม่เคยเห็นเพชรม่วงโค้ดสี Violet เพราะส่วนใหญ่เพชรม่วงที่พบเจอบ่อยๆจะเป็นโค้ดสี Purple และมักผสมกับสีชมพู อาทิเช่น Fancy Purplish Pink หรือ Fancy Pink-Purple
เพชรม่วง Violet พบเจอครั้งแรกที่เหมือง Argyle ประเทศออสเตรเลีย เพชรม่วงโค้ดสี Violet แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอเพชรสีนี้ตรงๆโดยไม่ติดโทนสีอื่นผสมอยู่ด้วย (Secondary Colour) มันอาจจะมี แต่หายากมาก และถ้าพบเจอก็คงจะแพงมากเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เพชรโค้ดสี Violet จะมี Secondary Colour เป็นสีฟ้า และสีเทา และจะเจอในไซส์ที่เล็กกว่า 1 กะรัต ไฮโดรเจน เป็นปัจจัยหลักในการเกิดสีม่วง Violet ในเพชร ส่วน Intensity หรือระดับความเข้มของเพชรโค้ดสี Violet ส่วนใหญ่จะพบเจอในระดับ Fancy, Fancy Deep และ Fancy Dark น้อยมากที่จะพบเจอเพชรม่วง Violet ในความเข้มระดับ Fancy Intense
เพชรส้ม หรือ Fancy Orange นั้น เกิดจากการมีไนโตรเจนปะปนอยู่ในผลึกเพชรใต้พื้นผิวโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน เพชรสีส้มเพียวๆ ตรงๆ เป็นสีที่นักสะสมหมายปอง เช่นเดียวกับพวกชมพูเพียวๆ ตรงๆ
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในความเป็นจริงแล้ว สีส้มมันคือสีที่อยู่ระหว่างสีเหลือง และสีแดง ดังนั้นเวลาที่เราค้นพบเพชรส้มในธรรมชาติ Secondary Colour หรือโทนสีที่มันอมที่พบเจอได้บ่อยก็คือ แดง ชมพู และเหลือง ต้องบอกก่อนเลยว่า เพชรส้มนั้นหาไม่ยากหากท่านต้องการตามหาเพชรส้มที่มีโทนสีอื่นผสมด้วย เช่น Fancy Yellow-Orange เป็นต้น เพราะ GIA แทบจะไม่ยอมเกรด หรือไม่เกรดเพชรส้มเป็น Fancy Orange เพียวๆ ตรงๆเลย แต่ก็มี และหายากพอๆกับเพชรแดง Fancy Red เลยทีเดียว
Intensity ของเพชรส้มนั้นก็เหมือนเพชรแฟนซีสีอื่นทั่วไป ไล่ตั้งแต่ Faint ไปจนถึง Fancy Deep และ Fancy Vivid Orange และ Fancy Deep Orange เป็นสีที่คนต้องการมากที่สุด เพราะสีของมันจะสด และสวยมาก แต่อย่างที่อธิบายไปข้างต้นว่า เพชรส้มเพียวๆตรงๆนั้นหายากกว่าเพชรส้มที่ติดสีอื่น
ในวงการเพชรแฟนซีนั้น มีเพชรส้มที่โด่งดังที่สุดชื่อว่า Pumpkin Orange น้ำหนัก 5.54 กะรัต ทรงคุชชั่น โค้ดสี Fancy Vivid Orange พบเจอที่ประเทศแอฟริกาใต้ และถูกนำไปประมูลที่ Sotheby's โดย Ronald Winston เป็นผู้ชนะการประมูลที่ 1.3 พันล้านดอลล่าสหรัฐ
สีที่แพงที่สุดในบรรดาทุกสีของเพชรแฟนซีนั่นก็คือ สีแดง หรือ Fancy Red
สำหรับหลายๆท่าน เวลานึกถึงอัญมณีที่มีสีแดงก็จะนึกถึงพลอยที่มีสีแดง เช่น ทับทิม หรือไม่ก็พวกการ์เน็ท หรือโกเมน และไม่คิดว่ามันมีเพชรที่มีสีแดงด้วย ซึ่งเพชรแดงเป็นสีที่แพงที่สุด และหายากที่สุดในโลก ราคานี่จับต้องไม่ได้ โดยเหมืองที่พบเจอเพชรแดงจะอยู่ที่ ออสเตรเลีย บราซิล อินเดีย และรัสเซีย โดยเพชรแดงจะมีข้อนึงที่เหมือนกับเพชรโค้ดสี Fancy White และ Fancy Black นั่นก็คือ Intensity ของมันจะมีแค่ Level เดียว ซึ่งก็คือ Fancy Red จะไม่มี 8 ระดับ Intensity เหมือนกับสีอื่นๆที่ไล่ตั้งแต่ Faint ไปจนถึง Fancy Deep
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสีแดงในเพชรจะเหมือนกับการเกิดเพชรชมพู นั่นก็คือ การบิดตัวของคริสตัลของเพชรใต้พื้นผิวโลกเป็นเวลาหลายล้านปี แต่การเกิดเพชรแดง หรือ Fancy Red นั้นจะมีความรุนแรงที่สูงกว่าการเกิดเพชรชมพู มันเลยเกิดเป็นสีแดง
หากพูดถึงกลุ่มคนที่ซื้อ หรือเล่นเพชร Fancy Red นั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าจะไม่ใช่ลูกค้าทั่วๆไป ต้องเป็นระดับมหาเศรษฐี นักสะสม หรือนักเล่นเพชรแฟนซีตัวจริง ซื้อเพื่อเก็งกำไร เพราะราคามันสูง และจับต้องไม่ได้ จากประสบการณ์ตรง เคยเห็น GIA 0.50 ct Fancy Red ตั้งขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท
เพชรแดง หรือเพชร Fancy Red ไม่ใช่สินค้าที่หาได้จากร้านเพชรทั่วไป และแทบไม่มีร้านเพชรทั่วไปซื้อสต๊อคโค้ดสีแบบนี้เพื่อให้ลูกค้าชม นอกเหนือแต่ว่าร้านเพชรร้านนั้นเป็นนักสะสม หรือซื้อเพื่อการลงทุน เก็งกำไรระยะยาว โค้ดสีแบบนี้ส่วนมากจะถูกซื้อขายกันที่งานประมูล หรือต้องซื้อต่อจากนักสะสมตัวจริงที่เขาอยากปล่อยเพื่อทำกำไร
โดยปกติเราจะนิยมเรียกเพชรไร้สี (Colourless) ว่าเพชรขาว ซึ่งเพชรไร้สีจะมีความใส โปร่ง และสามารถมองทะลุเข้าไปได้ (Transparency) ส่วนเพชรโค้ดสี Fancy White นั้นจะมีความทึบ และขุ่นมัวมากกว่าเพชรไร้สี หรือที่อธิบายในภาษาอังกฤษว่า Milky เพชรโค้ดสี Fancy White นั้นแท้จริงแล้วมันคือเพชรไร้สีที่มีสิ่งเจือปน (Inclusion) ในปริมาณที่มากทำให้เกิดสีอย่างที่เห็น และแตกต่างจากเพชรแฟนซีสีอื่นๆ ตรงที่มันไม่ได้เกิดจากธาตุหรือก๊าซสองชนิดขึ้นไปมารวมกันทำให้เกิดสีสันในเพชร (Element Compound)
เพชรโค้ดสี Fancy White เป็นอีกสีหนึ่งที่มีเสน่ห์ และสวยงามในแบบของมัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับเพชรแฟนซีสีอื่นๆ หากให้ GEMHOLIC แนะนำ เพชรโค้ดสี Fancy White เหมาะกับตัวเรือนสีพิ้งค์โกลด์ และการขึ้นตัวเรือนแบบเปิดก้น ไม่แต้มฐาน เนื่องจากเสน่ห์ของเพชรโค้ดสี Fancy White คือสีขาวที่ดูฟุ้งๆคล้ายผงแป้ง จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเรือนช่วยเพื่อพัฒนาสีของเพชร
ในปัจจุบันเพชรดำที่สามารถพบเจอได้ในท้องตลาดแบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน คือ เพชรดำที่สีของมันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเพชรดำที่สีของมันเกิดขึ้นโดยการนำเพชรไป Treat หรือไปเผาให้เป็นสีดำนั่นเอง ซึ่งแน่นอน เพชรดำที่ Colour Origin เป็น Natural ย่อมมีมูลค่า และราคาสูงกว่าเพชรที่ผ่านการ Treat ให้เป็นสีดำ
ระดับความเข้ม หรือ Intensity ของเพชรดำ จะมีระดับเดียวนั่นก็คือ Fancy Black ซึ่งแตกต่างจากเพชรสีอื่นๆที่ส่วนใหญ่จะมีระดับความเข้มถึงเก้าระดับ ไล่ตั้งแต่ Faint ไปจนถึง Fancy Dark และการเกิดสีดำในเพชรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น เกิดจากการปะปนของธาตุ Graphite ใต้พื้นผิวโลกหลายล้านปีที่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากเพชรสีอื่นๆที่เกิดจากธาตุ Nitrogen, Hydrogen และ Boron ต้นกำเนิด หรือประเทศที่พบเจอเพชรดำเยอะที่สุดคือประเทศบราซิล และประเทศในทวีปแอฟริกา
เพชรดำที่มาพร้อมใบเซอร์ GIA จะเซอร์แบบครึ่งใบ หรือ Half Certificate เท่านั้น จะไม่มีการเซอร์แบบเต็มใบ โดย GIA จะบอกแค่ Size, Cut และ Colour Origin เท่านั้น จะไม่ได้พูดถึง Polish และ Symmetry และ GIA ไม่รับเซอร์เพชรดำที่ผ่านการ Treat
หากพูดถึงมูลค่าของเพชรดำ ราคาของมันไม่ได้แพงเท่าเพชรสีอื่นๆ เช่น เพชรเหลือง เพชรเขียว เพชรชมพู และเพชรฟ้า เนื่องจากเพชรดำเป็นความชอบเฉพาะบุคคล
เพชรดำที่สีดำเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาตินั้นหายาก ทำให้นิยมนำเพชรขาวไปเผาเพื่อให้กลายเป็นสีดำ เพื่อสนองความต้องการของตลาด แต่หากท่านต้องการความมั่นใจ และความสบายใจ แนะนำให้ซื้อกับร้านที่สามารถเชื่อใจได้ หรือซื้อเม็ดที่มาพร้อมกับใบเซอร์ GIA
1. เลือก และสั่งซื้อเพชรตามคุณสมบัติที่ท่านต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ออเดอร์ชิ้นนี้ลูกค้าได้ทำการสั่งซื้อเพชรร่วง GIA 1.13 ct Fancy Blue VVS2 และให้ GEMHOLIC ขึ้นตัวเรือนให้
2. เลือกแบบที่ท่านต้องการ หลังจากนั้นเราจะทำการจำลองชิ้นงานของท่านด้วยโปรแกรม Computer-Aided Design หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนาม CAD เพื่อคำนวนราคาค่าขึ้นตัวเรือนจากน้ำหนักเพชร และทองที่ถูกคำนวนคร่าวๆจากโปรแกรมดังกล่าว และเพื่อให้ท่านชมว่าชิ้นงานของท่านหลังทำเสร็จจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หากไม่ถูกใจ สามารถทำการแก้ไขจนเป็นที่พอใจได้ โดยระยะเวลาการขึ้นตัวเรือนจะอยู่ที่ 3-4 สัปดาห์
3. ชำระค่าตัวเรือนหลังงานเสร็จ และรับสินค้า
สิ่งสำคัญที่สุดที่ท่านต้องทราบเป็นอันดับแรกเลยคือ เพชรแฟนซีของท่านเป็นเพชรแฟนซีสีแท้ธรรมชาติ หรือเป็นเพชรที่ผ่านการ Treat เพื่อทำการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสี หากเพชรของท่านมีใบเซอร์ ท่านสามารถเช็คได้ที่ใบเซอร์ของท่าน
หากเพชรแฟนซีของท่านเป็นเพชรแฟนซีสีธรรมชาติ ในส่วน Colour Origin จะเขียนว่า Natural แต่หากเพชรแฟนซีของท่านเคยผ่านกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อทำการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสี Colour Origin จะถูกระบุว่า “Artificially Irradiated” หรือ “Treated” หากเครื่องประดับเพชรแฟนซีของท่านเป็นเพชรที่ผ่านการปรับปรุงสี เพชรเหล่านี้จะมีความ Sensitive หรือมีความไวต่อความร้อน ซึ่งความร้อนอาจทำให้สีของเพชรเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นทุกๆครั้งที่ท่านมีความประสงค์ที่จะส่งเครื่องประดับของท่านไปยังร้านจิวเวลรี่เพื่อทำการชุบล้าง ปรับไซส์ หรือกรรมวิธีที่ต้องใช้อุณหภูมิที่สูง จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องแจ้งข้อมูลของเพชรกับทางร้านจิวเวลรี่
GEMHOLIC จำหน่ายเฉพาะเพชรแฟนซีธรรมชาติ เป็นสีธรรมชาติ ไม่เคยผ่านกรรมวิธีใดๆเพื่อเปลี่ยนสีของเพชร แต่ด้วยเทคนิคการขึ้นตัวเรือนของเครื่องประดับบางตัวเรือน อาจมีการแต้มสีเล็กน้อยลงบนกระเปาะของเครื่องประดับ หรือฐานของเพชรเพื่อทำให้เพชรดูสวยขึ้นเวลาอยู่บนเรือน ดังนั้นหากท่านซื้อเครื่องประดับเพชรแฟนซีที่ถูกขึ้นตัวเรือนแบบมีการแต้มสีที่ฐานกับ GEMHOLIC วิธีการดูแลเครื่องประดับเพชรแฟนซีของท่านมีดังนี้
ก่อนตัดสินใจซื้อเพชรแฟนซีกับ GEMHOLIC หรือที่ไหนก็ตาม การศึกษาหาข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ ท่านสามารถไปศึกษา และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพชรแฟนซี การขึ้นตัวเรือน และการดูแลรักษาเบื้องต้นได้ที่หัวข้อ Fancy Diamond Buying Guide
1. เลือกซื้อเพชรแฟนซีอย่างไรดี
– ปัจจัยหลักของการเลือกซื้อเพชรคือ งบประมาณ เพราะสีต่างๆ คุณสมบัติของเพชร และแบบงาน Setting ที่ท่านต้องการขึ้นตัวเรือน มีผลต่อราคาสินค้า สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด สามารถเลือกซื้อชิ้นที่มีขนาดเล็ก หรือชิ้นที่ไม่มีใบเซอร์ แต่สำหรับท่านที่มีความพร้อม สามารถเลือกซื้อชิ้นใหญ่ สีหายาก และมาพร้อมใบเซอร์ ตามความเหมาะสมได้
2. เพชรที่มีใบเซอร์ และไม่มีใบเซอร์ แตกต่างกันอย่างไร
– เพชรที่ใบมีเซอร์ คือเพชรถูกส่งไปให้สถาบันอัญมณีศาสตร์ทำการตรวจสอบ จะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร และออกใบรับรองให้กับเพชรเม็ดนั้น โดยส่วนใหญ่เพชรแฟนซีที่ทาง GEMHOLIC จำหน่ายจะมาพร้อมกับใบรับรองจากสถาบัน GIA โดยเพชรที่มีใบเซอร์จะมีราคาสูงกว่าเพชรที่ไม่มีใบเซอร์ และหากท่านมีงบพอที่สามารถซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ได้ ทางเราก็อยากแนะนำให้ซื้อชิ้นที่มีใบเซอร์เพื่อความสบายใจของตัวท่านเอง สำหรับเพชรที่ไม่มีใบเซอร์ ราคาจะถูกลงมามาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด ตั้งใจซื้อเพื่อใส่เอง ไม่ได้มองในแง่ของการลงทุน และไม่คิดจะขายต่อ
3. เพชรที่ไม่มีใบเซอร์ของ GEMHOLIC เชื่อถือได้แค่ไหน
– เพชรที่ไม่มีใบเซอร์ของเราเป็นเพชรแท้ สีแท้ธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีเพชร CVD และเพชร HPHT
4. หากสนใจเพชรแฟนซีที่ไม่มีใบเซอร์ของ GEMHOLIC สามารถบริการส่งไปเซอร์ให้ได้ไหม
– ทำได้ แต่จะมีค่าดำเนินการ และค่าเซอร์จากสถาบันอัญมณีศาสตร์ ซึ่งลูกค้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
5. สถาบัน GIA ในประเทศไทยสามารถตรวจสอบเพชรแฟนซีได้หรือไม่
– สถาบัน GIA ในประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจสอบ หรือทำการเซอร์เพชรแฟนซี หรือเพชรสีได้ สถาบัน GIA ในประเทศไทยรับตรวจเช็คเฉพาะเพชรขาว หรือเพชรไร้สีเท่านั้น ดังนั้นหากท่านมีความประสงค์ที่จะส่งเพชรแฟนซีที่ไม่มีใบเซอร์ไปเซอร์ที่สถาบัน GIA มีที่เดียวที่สามารถทำได้ก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสถาบัน GIA ที่ฮ่องกงเป็นจุดศูนย์กลางในการรวบรวมเพชรจากทุกประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนั้นเพชรก็จะถูกส่งไปที่สถาบัน GIA ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระยะเวลาดำเนินการอยู่ที่ 45-90 วัน
6. ราคาเพชรแฟนซีแต่ละเฉดสีต่างกันอย่างไร
– ราคาของเพชรแฟนซีไล่ตั้งแต่ถูกที่สุดไปถึงแพงที่สุดขึ้นอยู่กับความหายากง่ายของสีนั้นๆ โดยเพชรน้ำตาลจะเป็นสีที่หาง่ายที่สุด ราคาจึงถูกที่สุด ถัดไปก็จะเป็นเหลือง เขียว ส้ม ชมพู ฟ้า และแดง อย่างไรก็ตาม ระดับความเข้มของสี และความสวยของเพชรก็มีผลต่อราคา ยกตัวอย่างเช่นเพชรเหลืองที่เป็น Fancy Vivid Yellow ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าเพชรเขียว Light Green ถึงแม้ว่าเพชรเหลืองจะเป็นสีที่หาง่ายกว่าก็ตาม
7. เทคนิคการขึ้นตัวเรือนของเพชรแฟนซี จะมีการทำกระเปาะที่ตัวเรือนเครื่องประดับ หรือที่เราเรียกว่า การขึ้นตัวเรือนแบบก้นปิด เพื่อแต้มสีลงไปที่กระเปาะ หรือฐานเพชร เพราะอะไร
– แนะนำให้เข้าไปอ่านเรื่องการขึ้นตัวเรือนของเพชรแฟนซีที่หัวข้อ Fancy Diamond Jewellery Settings ซึ่งเป็นหัวข้อย่อยของ Fancy Diamond Buying Guide ซึ่งทางเราได้อธิบายวิธีการขึ้นตัวเรือนของเพชรแฟนซีไว้อย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม การแต้มฐาน หรือแต้มสีทำเพื่อให้สีของเพชรเวลาอยู่บนเรือนแหวนดูสวยขึ้นเท่านั้น เรียกว่าเป็นการพัฒนา ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง หรือการหลอกลวง ยกตัวอย่างเช่น แหวนเพชรฟ้า เพชรก่อนขึ้นเรือนจะต้องเป็นเพชรฟ้าอยู่แล้ว อาจจะเป็น Light Blue หรือ Fancy Light Greenish Blue ซึ่งไม่ใช่สีฟ้าเข้ม แต่พอขึ้นตัวเรือนเป็นแหวนออกมาสีฟ้าดูเข้มขึ้นอีกหนึ่งถึงสองสเต็ป ทาง GEMHOLIC จะไม่มีการนำเพชรขาวมาขึ้นตัวเรือนเป็นแหวนเพชรแฟนซีเพื่อจำหน่ายโดยเด็ดขาด มีหลายท่านไม่เข้าใจ และมองวิธีการนี้เหมือนเป็นการหลอกลวงโดยไม่ทราบว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น เพชรแฟนซีนั้นหายากกว่าเพชรขาวหลายเท่านัก แต่ที่ยากไปกว่าการหาเพชรแฟนซีก็คือ การหาเพชรแฟนซีที่สีสด เข้ม และสวย อยู่ในระดับ Fancy Vivid หากพบเจอที่มีขนาดใหญ่ และสะอาดในขณะเดียวกัน ส่วนใหญ่จะถูกนำไปประมูลจนมูลค่าจับต้องไม่ได้ ดังนั้นหากท่านต้องการเพชรแฟนซีที่สีสด เข้ม และสวย โดยไม่ต้องแต้มฐานเวลาขึ้นตัวเรือน ท่านอาจจะต้องจ่ายแพงถึง 7-9 หลัก ขึ้นอยู่กับโค้ดสีของเพชร
8. หากมีความประสงค์ที่จะขึ้นตัวเรือนแบบเปิดก้น ไม่แต้มฐานเหมือนในเพชรไร้สี สามารถทำได้หรือไม่
– สามารถทำได้เช่นกัน
9. GEMHOLIC รับขึ้นตัวเรือนเพชรที่ซื้อมาจากที่อื่นหรือไม่
– ในขณะนี้ยังไม่ได้รับ รับเฉพาะเพชรที่ซื้อกับทางร้านเท่านั้น
10. สามารถทำแบบเครื่องประดับนอกเหนือจากที่ GEMHOLIC มีได้หรือไม่
– สามารถทำได้ทุกแบบ โดยแต่ละแบบราคาจะแตกต่างกัน อยู่ที่น้ำหนักทอง และเพชรล้อมที่นำมาใช้ ท่านสามารถส่งแบบที่ท่านสนใจมาให้เราประเมินราคาได้
11. อาศัยอยู่ต่างประเทศ สามารถส่งสินค้าไปต่างประเทศได้หรือไม่
– สามารถส่งได้ทั่วโลก ระยะเวลาการขนส่งอาจใช้เวลาถึง 2-3 สัปดาห์
12. เพชรแฟนซีซื้อไปแล้วขายยากหรือไม่ ราคาตกไหม
– ทุกๆอย่างอยู่ที่จังหวะและเวลา สินค้าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเพชร พลอย หรืออะไรก็ตามแต่ หากต้องการขายด่วน หรือต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสดทันที ยังไงก็ต้องถูกกดราคา แต่หากจังหวะดี มีคนตามหาอยากได้พอดี สินค้าเป็นที่ต้องการ ยังไงก็ได้ราคาดีแน่นอน ดังนั้นถ้าหากให้ GEMHOLIC แนะนำก็คือ ซื้อเมื่อพร้อม ซื้อเมื่อไม่เดือดร้อน และซื้อเพราะชอบและอยากได้จริงๆ เป็นความสุขทางใจเมื่อได้สวมใส่ แต่หากคิดจะซื้อ และมีแพลนจะขายต่อ หรือเปลี่ยนเป็นเงินสดในอนาคตอันใกล้ แนะนำให้ซื้อทองดีที่สุด
13. GEMHOLIC รับซื้อคืนหรือไม่ หักกี่เปอร์เซ็นต์
– สินค้าทุกชิ้นเมื่อซื้อไปแล้วไม่รับเปลี่ยน ไม่รับคืนทุกกรณี ยกเว้นเป็นเพชรปลอม รวมไปถึงการรับซื้อสินค้าคืน ซึ่งในขณะนี้เรายังไม่มีนโยบายซื้อคืน เนื่องจากการรับซื้อคืนนั้น ทางเราต้องทำการตรวจสอบว่าเพชรที่ได้คืนมาไม่ได้ถูกสับเปลี่ยน ขั้นตอนการตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยาก และใช้เวลา ทางเราจึงขออนุญาตยุติปัญหาโดยไม่มีการรับซื้อคืน